ประหยัดค่าไฟ...แบบ HD
ง่ายสุดๆ เห็นผลแน่นอน
ลงทุนน้อยมาก
1.เปลี่ยนหลอด
ทุกวันนี้หลอดผอม T8, T5 หลอดตะเกียบหลอดไฟ LED
เป็นผลิตภัณฑ์ ที่มาแทน หลอดที่กินไฟมาก เช่น หลอดใส้
หลอดฮาโลเจน หลอดไอโอดีน หลอดแสงจันทร์ หลอดสปอต์ไลท์
หลอดจำพวกนี้จะร้อน และ มีวัตต์ที่สูงมากแถมหลอดจะขาดบ่อย
ต้องเปลี่ยนหลอดไฟประจำ หลอดประหยัดพลังงาน เป็นหลอด T8,T5
หลอดตะเกียบและหลอด LED ราคาได้ถูกลงมาก
อย่าหลงเชื่อว่าแพง หลอด LED ราคาต่างกับหลอดใส้เล็กน้อยเท่านั้น
ตรวจสอบราคาสินค้าให้ดี สินค้าเกรดเดียวกันหรือตัวเดียวกัน ขายราคา
ต่างกันเป็นร้อยๆก็มีอีก 2-3 ปีข้างหน้า หลอดประหยัดไฟ และ
หลอด LED จะถูกลงจนแทบจะซื้อได้ทุกบ้านและมีคุณภาพด้วย
รูปแบบดีไซน์และความสวยงาม ของหลอดไฟจะทันสมัย
เป็นหลอดเเห่งอนาคตเเน่นอน ชั่วโมงนี้หลอดไหนขาด หรือ พอมีทุน
ก็เปลี่ยนหลอด เนื่องจากขั้วหลอด ส่วนใหญ่ได้ทำเป็นขั้วมาตรฐาน E27
E14 E12 รูปทรงขนาดได้ถูกผลิตมาให้เปลี่ยน กับ โคมไฟต่างๆ
ได้โดยง่าย ไฟทางเดิน ไฟสนาม ห้องเก็บของ หรือ บริเวณที่ใช้แสงน้อย
เปลี่ยนหลอดไฟที่วัตต์ต่ำๆ จะกินไฟน้อย ช่วยประหยัดได้มาก
วิธีการเลือกซื้อ โคมไฟ
2.1 การเลือกซื้อโคมไฟ ควรเลือกซื้อโคมไฟที่ให้ความสว่างมาก
เช่นโคมที่มีรีเฟล็กสะท้อนแสงสูง ใส่หลอดเดียวแต่สว่างเท่ากับใส่
2 หลอด (ประหยัดไฟไป 1 หลอด)
2.2 โคมที่ไม่มีแผ่นบังหลอด (แต่ขาดความสวยงามไปบ้างแต่ไม่ต้องใช้
หลอดเยอะทำให้ประหยัดไฟ)
2.3 โคมที่มีกระจกหรือ อะคริลิกบังหลอดควรเป็นชนิดแบบใสโปร่งแสง
หรือแบบผิวส้ม ผิวเพชรจะเห็นหลอดแบบรางๆ จะทำให้สว่าง ไม่ควรใช้
กระจกแบบทึบแสง เน้นสีสันและลวดลายมาก จะทำให้ต้องใช้หลอด
หลายหลอดถึงจะสว่าง (สิ้นเปลือง) ควรเลือกลายแบบเรียบง่ายจะดูได้
นานแล้วไม่เบื่อง่าย
2.4 โคมกับหลอดควรจะเหมาะสมกัน โคมเล็กไม่ควรใส่หลอดที่ใหญ่
หรือ วัตต์สูงเพราะจะทำให้กระจกแตกหรืออะคริลิกเหลืองได้จาก
ความร้อนของหลอด สิ้นเปลืองการเปลี่ยนโคม การเปลี่ยนหลอด
เปลืองค่าไฟ
2.5 โคมที่มีช่องระบายอากาศถ่ายเทจะทำให้ยืดอายุการใช้งานของ
หลอด บัลลาสต์ ได้นาน หากสามารถเจาะรูด้านล่างของโคมตรงจุดที่
เหมาะสมโดยที่แมลงและน้ำเข้าไม่ได้ควรทำอย่างยิ่ง
แอร์
1. เครื่องปรับอากาศ ตัวนี้สำคัญมาก ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน
เครื่องปรับอากาศ จึงมีผู้คนนิยมใช้กันมาก 60 % ของค่าฟ้าในบ้าน
ก็มาจากการใช้เครื่องปรับอากาศ
หากมารู้ทันและเข้าใจเครื่องปรับอากาศ รับรองว่าค่าไฟลดลงมาก
เลือกขนาด BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับห้อง เช่น
ถ้าห้องเล็กๆอย่าติดแอร์ ตัวใหญ่เลย แอร์ยิ่งตัวใหญ่ BTU ยิ่งสูง
จะทำให้กินไฟมาก
2. หมั่นล้างแอร์ ถอด นำฟิวเตอร์กรองฝุ่นไปล้าง
ทำความสะอาด ทำเองได้ 2 - 3 เดือนครั้ง
หาช่างมาล้างคลอย์เย็น – คลอย์ร้อน ปีละครั้ง
ใช้ตัวเป่าลม หรือ แปลงรูดเบาๆ(ทำเองได้) เมื่อแอร์สะอาดจะทำให้แอร์
ไม่ทำงานหนักและเย็นเร็ว เมื่อได้อุณภูมิที่ตั้งไว้แอร์ก็จะตัดคอม
หยุดเดิน ประหยัดค่าไฟทันที
3. ปิดประตูหน้าต่างหรือช่องที่ความเย็นออกไปได้ให้มิดชิด ทำให้ห้อง
เย็นเร็วได้อุณภูมิที่ตั้งไว้คอมก็จะตัดประหยัดค่าไฟ
4. ปลูกต้นไม้หรือทำชายคาบังแดดไม่ให้ความร้อนเข้าไปในห้องทำให้
แอร์เย็นเร็ว (หากทำได้งบประมาณไม่มากก็ควรทำ)
5. ควรตั้งอุณภูมิไว้ที่ 25 องศา ความเย็นกำลังพอดีการตั้งอุณภูมิยิ่งต่ำ
ยิ่งเย็นเบอร์ยิ่งทำงานมากขึ้น ( หากจะให้ประหยัดกว่านั้นตั้งอุณภูมิไว้ที่
26 หรือ 27 องศา แล้วใช้พัดลมเป่าช่วยประหยัดค่าไฟ ได้อีกมากเลย
เพราะพัดลมที่เป่ากินไฟน้อยมาก เทียบกับการให้แอร์ทำงานมากขึ้น )
(ทดลองกับที่ทำงานของตัวเองแล้วเย็นสบาย ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มาก)
6. เดินสาย เปิด-ปิด แอร์ในตำแหน่งที่ใช้งานง่ายที่สุด ปกติแอร์
ทุกตัวจะมีรีโมท แต่ส่วนมากแล้วรีโมทตัวนี้ เมื่อใช้แล้วจะวางไม่เป็นที่
บางครั้งหาไม่เจอเนื่องจากตกหล่นหรือถูกสิ่งของบดบังหาไม่เจอต้องปิด
เบรกเกอร์แทน ควรเดินสาย VCT จากเบรกเกอร์มาที่หัวเตียง หรือข้าง
เตียงนอน ตำแหน่งที่สะดวกเวลาปิด – เปิด แอร์ขณะหลับเมื่อรู้สึกง่วง
เปิดพัดลมความเย็นในห้องยังมีอยู่ ปิดแอร์เลย หากกลางดึกร้อนก็เปิดได้
ไม่ต้องลุกไปหารีโมทหรือปิดที่เบรกเกอร์
7. เดินสาย ปิด – เปิด แอร์มาไว้ใต้โต๊ะทำงาน ข้างโซฟา ในตำแหน่ง
ว่าที่นั่งประจำ สามารถกดปิดแอร์ ทันที ขนาดที่รู้สึกว่าอากาศร้อน (การ
เปิด - ปิด เเอร์ บ่อยไม่ได้ทำให้แอร์เสียเร็วแต่เป็นการประหยัดไฟ)
8. ตั้ง Timer Switch นาฬิกาควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศ
(ตั้งแบบออโต้) หากใช้คนหรือใช้รีโมทโอกาสลืมมีมาก หรือ
อาจจะเกี่ยงกันปิด การตั้งนาฬิกาควบคุมการทำงานของแอร์มีดังนี้
8.1 ตั้งปิดแอร์ก่อนออกจากห้องทำงาน 20 นาที ทุกครั้ง
8.2 ตั้งปิดแอร่ออกจากห้องนอน 30 นาที ทุกครั้ง
8.3 ตั้งตอนเที่ยวควรปิดแอร์ 1 ชั่วโมง
(อากาศไม่ร้อน หน้าฝน หน้าหนาว ปิดแอร์และเปิดพัดลมดีกว่า)